วันนี้เปิด TV. ไปสะดุดตากับรายการ reality series ที่ชื่อ
The Pledgeที่ถ่ายทำคนธรรมดา 15 คน ที่ commit ว่าจะเข้าร่วมการแข่งขันไตรกีฬา
ที่สะดุดตา ก็เพราะ
เห็นแล้ว ก็เลยอยากนำมาเผยแพร่ต่อ
สาเหตุหลักๆที่ผมเคยเข้าแข่ง Triathlon ก็คือ
"ความอยากที่จะลองทำสิ่งที่ไม่คิดว่าจะทำได้"
อย่างว่ายน้ำ ผมมาหัดว่าย freestyle ตอนอายุ 25
เริ่มแรกนี่ สระ 10 เมตร ยังว่ายไม่ถึงเลย
หรือวิ่งก็เหมือนกัน เป็นคนไม่ชอบวิ่งมาแต่เด็ก
เวลาเล่นกีฬา ก็จะเลือกที่มันวิ่งน้อยสุด
ลองอ่านบันทึกผมในช่วงนั้นดูว่าบรรยากาศมันเป็นอย่างไร
เช้าวันที่ 2
ผมเข้าไปจัดของในบริเวณจุดเปลี่ยนการแข่งขั้น
ตอนประมาณ 6.30 น.
คนค่อยๆทยอยกันมา
บรรยากาศคึกคักมาก
ทั้งเจ้าหน้าที่และนักกีฬา
แต่ละคนอยู่ในชุดทะมัดทะแมงมากเลย
ผมได้ที่จอดจักรยานในสุด ช่วยให้
หลบความวุ่นวายใด้มากขึ้น
การเตรียมก็เป็นการเตรียมอุปกรณ์
ชุดต่างๆที่ต้องใช้ รวมทั้งอาหาร+น้ำดึ่ม
ช่วงนี้นักกีฬาต้องทยอยให้เจ้าหน้าที่เขียน
เบอร์ตามตัว มีเขียนที่ไหล่ซ้าย ใหล่ขวา
ต้นขาหน้าซ้าย ข้างขาขวา กับน่องขวา
ผมได้เบอร์ 311
ช่วง 7.15 ได้เวลาเดินทางไปจุดปล่อยตัว
ว่ายน้ำ วันนี้แสงสวยมากเลย ฟ้าครึ้มๆแต่
มีแสงแดดสาดลงมา ทำให้บรรยากาศดู
อิ่มตาดี ยิ่งมีนักกีฬา 400 คน ในชุดว่ายน้ำ
หลากสี + หมวกว่ายน้ำสีเหลือง + ทะเลเรียบ
บรรยากาศ สุดบรรยาย
ก่อนปล่อยตัว พวกนักกีฬาก็ลงไปว่ายวอร์ม
ในน้ำกัน ผมก็เลยถือโอกาศลงไปฉี่ด้วย
จากนั้นก็ขึ้นมากินน้ำไปอีกขวดเพื่อป้องกัน
ไม่ให้ปากเค็มมากนักเวลาว่ายน้ำ
8.00 น. เริ่มการปล่อยตัว ทุกคนวิ่งกรูกันลงน้ำ
ผมวิ่งช้าๆออกไป เพราะไม่อยากไปแย่งที่ว่าย
กับเขา ha ha แต่หลบไม่พ้นแฮะ การว่ายน้ำ
เป็นกีฬาที่ค่อนข้างโกลาหลเหมือนกัน ว่ายกัน
ไหล่เบียดใหล่ มือชนขาเลย ช่วงที่ว่ายอยู่
มีอยู่คนหนึ่งความเร็วเท่ากับผมเลยเจอกัน
ตลอดทาง เขาคอยตัดหน้าตัดหลังอยู่ตลอด
เวลา เดี๋ยวก็ว่ายไปทางซ้าย เดียวก็ตัดมาทาง
ขวา ไม่รู้ว่าผมว่ายเบี้ยวหรือเขาว่ายเบี้ยวกันแน่
ทุ่นแรกอยู่ห่างฝั่งไป 300 เมตร
ส่วนทุ่นที่สองวางขนานฝั่งไปอีก 400 เมตร
ทุ่น 3 ก็ว่างขนานฝั่งไปอีก 400 เมตร
กว่าจะถึงแต่ละทุ่น มองแล้วมองอีก
ทุ่นสุดท้ายห่างฝั่ง 330 เมตร คราวนี้ใจชื้น
แล้วมองเห็นฝั่งแล้ว เริ่ม speed ปนหอบเล็กๆ
ถึงผั่งได้รู้สึกดีใจมาก หันไปมองข้างหลังแล้ว
ต้องร้องไชโย เพราะพบว่ายังมีคนข้างหลังเราอีก
พอสมควร (ไม่เป็นที่โหล่แล้ว) จากนั้นก็วิ่งขึ้นฝั่งไป
ลง lagoon น้ำจึดเพื่อจะว่ายอีก 370 เมตร
อันนี้สิเริ่มเหนื่อยแล้ว เริ่มเสียอาการ (ว่ายเอียง
ไปเอียงมา ) อ้อข่วงที่ไกล้ๆผั่ง
เริ่มปวดฉี่อีกครั้ง แต่ฉี่ไม่ออก สงสัยกำลังเหนื่อย
มั้ง สมองคิดใหญ่ เฮ้ยถ้าไม่ฉี่เดี๋ยวตอนแข่ง
จักรยานจะฉี่ยังไงหล่ะ ก็เลยเบ่งใหญ่เลย
เฮ้อ เป็นการฉี่แบบระยะยาว ในทะเลนิดหนึ่ง
แล้วเก็บไปต่อในน้ำจึดอีกนิดหนึ่ง
พอถึงอีกฝั่ง ก็วิ่งช่วงสั้นๆเพื่อไปเอาจักรยาน
บรรยากาศบังคับให้ต้องวิ่ง ทั้งๆที่อยากจะเดิน
มากกว่า ไปถึงจักรยาน ใส่รองเท้า เสื้อกางเกง
พร้อมกับกินกล้วยไป 1 ลูก แล้วก็วิ่งพาจักรยาน
ออกมา แหมกองเชียร์คึกคักมาก
ทำให้วิ่งฉิวเลย (ปกติจะอู้มาก) ขึ้นจักรยานได้ก็
ไปโลด
ช่วงจักรยาน ระยะทาง 55 กิโลเมตร ช่วง 8
กิโลแรกเป็นภูเขาสูง
เจอเขาปุ๊บก็จอดเข็นปั๊บ : ) ไม่น่าเกลียดหรอก
เพราะมีเพื่อนเข็นเต็มเลย แต่ตอนลงเขานี่สิ
สนุกมาก แต่ต้องระวังแหกโค้ง
ช่วงที่ 2 เป็นเนินเล็ก เนินกลาง โค้งเล็กโค้งน้อย
เป็นทางถนัด ก็เลยค่อยๆใส่แซงไปเรื่อยๆ
ระหว่างทางจะผ่านชุมชนเป็นระยะระยะ
ก็จะมีเด็กคอย hello กับผู้ใหญ่นั่งดูเป็นกลุ่มๆ
หน้าที่เราก็คอยแจกยิ้มอย่างเดียว
พอช่วงกิโลที่ 40 แรงหมด (ซ้อมมาแค่นั้น)
หมดแรงนี่หมดจริงๆเลยนะ ป้อแป้ๆไปเรื่อยๆ
พวกที่เราแซงไปก็ค่อยๆทะยอยแซงกลับมาจนหมด
ผมก็กัดฟันขี่ต่อไปอีก 15 กิโล พวกกลุ่มหลังๆ
ก็เริ่มคุ้นหน้าคุ้นตากันตอนนี้แหล่ะ
พอกลับมาถึงจุดเปลี่ยนจักรยาน คราวนี้ใครจะวง
ใครจะวิ่ง กูไม่วิ่งแล้ว เดินจูงจักรยานไปเก็บ
นั่งพักเหนื่อยสักพัก (เอ้อระเหยเลยแหล่ะ)
คว้ากล้วยออกมากินอีกหนึ่งลูก
กิน chocolate อีก 4 อัน ค่อยๆเปลี่ยนเสื้อกับรองเท้า
ระหว่างนั้นก็จะมีคนเข้ามาเป็นระยะๆ แต่ละคน
เข้ามาปุ๊บก็วิ่งออกไปปั๋บ ไม่รู้จะรีบร้อนไปไหนกัน
ถึงช่วงวิ่งนี่สิ โหดของจริง กิโลแรก ตะคริวกินสองขา
เลยทั้งเหนือเข่า และน่อง โชคดีที่หน่วยพยาบาลผ่านมา
เขาเห็นเรากระย่องกระแย่งก็เลยปราดเข้ามาทายาให้
ค่อยสบายขึ้นหน่อย
ในช่วงวิ่งนี้มีจุดให้น้ำทุก 2 กิโลเมตร ผมหยุดกิน
ทุกจุดจุดละสองแก้ว ช่วงนี้เป็นช่วงวิ่งสลับเดิน
(จริงๆแล้วเดินมากกว่าวิ่ง) มันเหนื่อยแล้ว ประกอบ
กับเห็นคนเดินเยอะแยะ เมื่อมีตัวอย่างแล้วก็เลยต้อง
ทำตามสักหน่อย เดี๋ยวเขาจะว่าเราเป็นพวกนอกคอก
ช่วงนี้แหล่ะได้เพื่อนเยอะ ทักทายกันไปเรื่อย
อากาศตอนวิ่งร้อนมากจ้ะ แดดตอนเที่ยงเปรี้ยงเลย
ถึงเส้นชัยได้รู้สึกดีใจที่สุด (ไม่เป็นที่โหล่แล้ว : )
แค่เกือบๆ เฉยๆ )