เพราะพี่ว่า "ความจริงมันเปิดเผยแล้ว ทุกคนเข้าใจแล้วว่าอะไรเป็นอะไร"
คุณ bow แกเขียน benchmark เทียบ Java, Python, Ruby
บังเอิญคุณ bow แก้มี domain ที่ใช้อยู่ในเรื่อง "scientific computation"
แล้วมีประสบการณ์ java ไม่พอที่จะ optimize
เจ้า deans4j ก็เลยเข้าไปจุดระเบิด
http://www.blognone.com/node/4385
มีเรื่องมีราว
เจ้าน้อง deans ก็ไปตั้งกระทู้ไว้ใน blog ตัวเอง
http://deans4j.wordpress.com/2007/04/12/against-idiot/
สมัยนั้นผมเป็นแฟน blognone และ markpeak
เห็นเจ้า deans4j aggressive ขนาดนั้น ทนไม่ได้ก็เลยไป comment ไว้แบบนี้
Dean4j, คุณมีความคิดด้านลบอยู่เต็มตัวเลยนะ
ผมลองเล่าเรื่องผมให้ฟังแล้วกัน
มีอยุ่ช่วงที่ผมรู้สึกว่า “คนเก่งๆหายไปไหนหมด”
มีอยู่วันหนึ่งมีคน post ในพันธ์ทิพย์ว่า
“ต้องการหาคนเป็น database ช่วยกันทำ project สนุกๆกัน”
ผมก็เลย mail เล่าไปว่าเคยทำอะไร อย่างไร
ปรากฎว่า mail ที่เขาตอบกลับมา นั้นทำให้ผมช็อค ไปเหมือนกัน
เขาบอกว่า เขาเกลียดคนชนิดผมมากเลย คนที่ภูมิใจในตัวเองสูง
ประโยคนั้นเป็นประโยคที่ดีมากเลย
ทำให้ต้องกลับมาทบทวนตัวเองใหม่
ซึ่งจากการทบทวนแล้ว ผมก็พบว่า สิ่งที่ผมเล่าอย่างธรรมดาๆนั้น
สำหรับคนอื่นแล้วมันดู arrogance เกินไป
ทำให้ผมต้องระมัดระวัง
วิธีการเขียนหรือเรื่องต่างๆ ที่อาจทำให้คนอื่นเข้าใจผิดในเจตนา
แต่ก็ไม่วายผิดผลาดอีก
อย่างเมื่อปลายปีก่อน apple เขาจัดอบรมฟรี
ผมก็ไปกับเขาด้วย
ก็ไปเจอพี่คนหนึ่ง อัธยาศัยดีมาก
กลับมาก็ mail คุยกัน
พี่เขาก็ถามว่า ปัจจุบัน ทำอะไรอยู่บ้าง
ผมก็เขียนเล่าเรื่องอย่างยาวเลย
ผลเป็นอย่างไรรุ้ไหม
พี่เขาเลิกติดต่อผมเลย
ซึ่งผมเดาได้ไม่ยากเลยว่า
มันต้องเกิดจากเนื้อความในจดหมาย
ซึ่งมันน่าจะมีส่วนผสมของความ Proud มากไปหน่อย
ทำให้คนอ่านรู้สึกว่าเราเป็นคน arrogance
บางทีความอัดอั้นตันใจของเรา, ความภูมิใจที่ถุกเก็บกดของเรา
ความรู้สึกไม่เต็มของเรา, ความรู้สึกไม่พอใจต่างๆ
มันเผลอสะท้อนออกไปทางสิ่งที่เราเขียน
โดยเราก็ไม่รู้ตัว
สำหรับ post ที่คุณตอบในบทความ “BowDerKliene”
ถ้ามองในแง่ fact แล้ว. เป็นการตอบที่ดีมาก
แต่ถ้ามองในแง่ของท่าทีแล้ว
มันมีน้ำหนักของการดูถูก และการท้าตีท้าต่อยมากไปหน่อย
ค่อนข้าง arrogance สูง
ส่วนเรื่อง FUD
อย่างไง FUD ก็เป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้
ตราบใดที่ คน ยังเป็น คน อยุ่
การชักจูงคนให้เห็นอีกมุม ไม่สามารถใช้วิธีปะทะได้หรอก
มันยิ่งทำให้เขาปฏิเสธมากขึ้นเท่านั้น
จากนั้น deans กับผม ก็เขียนจดหมายคุยกันหลังไมค์
นี่คือจดหมายที่ผมตอบเขา
ผมกับคุณมีส่วนหนึ่งที่เหมือนกัน ก็คือ เรามีความโกรธเป็นเจ้าเรือน
เรามีความคาดหวังสูงกับสิ่งรอบข้าง
ซึ่งมันมักจะทำให้เราผิดหวังกับโมโหอยู่บ่อยๆ
อย่าง mk บางทีตอนแรกคุณก็อาจจะรู้สึกว่า
เฮ้ย คนนี้ น่าจะเป็นเพื่อนกับเราได้ เขามีเป้าหมายบางอย่างที่ตรงกับเรา
แต่สุดท้ายคุณก็เริ่มพบว่า มันมีบางสิ่งที่มันไม่ตรงกันนัก
ความคิดเห็น อุดมการณ์ การแสดงออก
ส่วนเรื่องที่คุณผิดหวังกับวิธีคิดของเขา
ผมขอให้มองเขาเป็นคนธรรมดาเหมือนเรานี่แหล่ะ
มีการก้าวที่ผิดพลาด มี double standard (ทุกคนเป็นเหมือนกันหมด)
มีความขัดแย้งในสิ่งที่เชื่อกับสิ่งที่ทำ
สิ่งที่เขากำลังทำอยู่ ก็คือการเรียนรู้ชีิวิตของเขา
พูดง่ายนะแต่ทำยาก
อย่างผม สมัยก่อนฟังเพลงคาราบาว ชอบมาก
แต่พอรู้ว่าชีวิตนักร้อง กับ เนื้อหาเพลงของเขา มันไม่ไปด้วยกัน
ก็เลยเลิกฟัง ทำใจไม่ได้
พวกอาการนี้ เวลาเกิดขึ้นแล้วมันแก้ไขให้กลับมาเหมือนเดิมยาก
ปัจจุบัน ก็เลยต้องหาวิธีสกัด ไม่ให้เกิดความคาดหวังขึ้นมา
จะได้ไม่ต้องผิดผวัง
การปะทะเกิดขึ้นได้
แต่อย่าให้อารมณ์ร้ายๆ มามีผลต่อชีวิตเรา
อันนี้คือบางส่วนที่เขา ตอบกลับมา
ประเด็นคือสิ่งที่ mk ปฏิบัติต่อผมก็น่ารังเกียจจริงๆ แล้วเต็มไปด้วยอคติ ความต้องการเอาชนะ เค้ามีปัญหาอะไรกับผม เค้าไม่เคยคิดจะเคลียร์ ผมเคยพยายามที่จะเคลียร์หลังไมค์ แต่เค้าก็ได้แต่หนีไป แถมมีแต่คำพูดขู่ และดูถูกผมซะยิ่งกว่า
...
ผมอยากให้พี่รับรู้ไว้ว่าไม่ใช่ผมที่เริ่มก่อน แต่เป็นเค้าที่เล่นนอกเกมสารพัดจนทำให้ผมเก็บอาการไม่อยู่ เค้าพยายาม discredit ผมหลายทาง เค้าเลือกที่จะประณามผมในที่สาธารณะ space ตัวเอง ทั้งๆ ที่ผมพยายามจะเคลียร์กับเค้าในที่ส่วนตัว จนที่สุดมันลงเอยอย่างนี้ผมจึงค่อยออกมา
เมื่อก่อนผมไม่เข้าใจที่ deans พูดหรอกนะ แต่ปัจจุบัน พฤติกรรมของ markpeak มันยืนยันตามคำพูดน้อง deans ทุกอย่าง
ตัดภาพกลับมาปัจจุบัน
หลังจากเรามี party "java เกรียน day"
ทุกอย่างที่ผ่านมา 3 ปี ก็ชัดเจนแล้วสำหรับผม
สุดท้ายผมก็ทำในสิ่งที่ผมแนะนำคนอื่นไม่ได้
อารมณ์ร้ายๆ ก็มามีผลต่อชิวิตผม
ศาสดาเจ็บใจมาก ตามมาเหน็บผมอีกแล้ว, พวกเกรียนใน net นี่ คงรู้สึกว่าพูดอย่างไรก็ได้เพราะใน net มันไกลตีน หรือเราควรจะลดระยะดี
หวังว่าสุดท้าย ตีนผมคงจะไม่ปะทะปากใครนะ