(เดิมก็ใช้ opensource แหล่ะครับ, แต่คราวนี้ไม่ต้องใช้ db2, websphere)
ได้ run production กับ load ที่มากสุดของช่วงปีนี้แล้ว (31 มกราคม)
วันนั้นมี transaction ใบเสร็จป้อนเข้ามา หมื่นกว่าใบ
ผ่านไปด้วยความสบายใจ
ลองดูว่า project นี้ใช้ opensource อะไรบ้าง
- ในส่วนของ browser บังคับให้ใช้ Firefox
(เขียนให้ใช้ได้ทั้ง IE และ Firefox, แต่พอเกิดปัญหา ก็จะใล่ให้ไปลง firefox ก่อน
แล้วค่อยคุยกัน) - PDF Viewer ใช้ FoxIt
ตัวเล็กดี - Server ใช้ OpenSUSE
- Database ใช้ Ingres
- App Server ใช้ Tomcat 5.5
ต่อเป็น cluster 2 server - Web Server ใช้ Apache 2.x
- Single Sign On ใช้ CAS
- ORM ใช้ Hibernate 3.2
- Container ใช้ Spring Framework 2.0
- Presentation Layer ใช้ Tapestry 4.0.2 ผสมกับ Spring
- Report ใช้ JasperReport
- Javascript Framework ใช้ Dojo
- build tool ใช้ maven 2
- continuous build ใช้ CruiseControl
- Unit Testing ใช้ TestNG กับ EasyMock
- Integrated Test ใช้ Selenium + Ruby
ยังมีตัวเล็กตัวน้อยอีกจำนวนหนึ่ง แต่ไม่สำคัญเท่าไร
10 comments:
ใช้อะไรเป็น IDE เหรอครับ
IDE -> Eclipse
Version control -> Subversion
ผมพึ่งรู้ว่า Ingres เป็น GPL แล้ว
Project ที่ผมทำอยู่น่ะครับ
Server->Debian 3.1 sarge
Database->PostgresSQL and DB2(AS/400 query อย่างเดียว)
IDE->Eclipse+Exadel
Version control->VSS (พยายามจะเปลี่ยนเป็น subvision แต่ยังไม่สำเร็จ)
Web Server->Tomcat 5.5
ORM->Hibernate, Annotation
Presentation Layer->JSF,MyFaces (รู้สึกคิดผิดนิดๆ)
Report->iReport, JasperReport (รู้สึกว่า พระเจ้าจอร์ช มันยอดมาก)
Browser->IE
อยากทำเต็มระบบกว่านี้น่ะครับ ตอนนี้เป็นแค่การ support function ของ MRP package ที่ขาดไป
โอ้ สนุกพอกันเลย
> Presentation Layer->JSF,MyFaces (รู้สึกคิดผิดนิดๆ)
: )
ของผมยังรู้สึกคิดถูกที่เลือก tapestry อยู่
เพราะเวลามอง JSP code แล้วมันตาลาย
springframework ก็ช่วยได้เยอะนะครับ
โอ้ เขียนจาวามันต้องขนาดนี้เชียว
ไม่เกี่ยวกับเรื่องนี้ ว่าแต่วันนี้พี่ไปสวนรถไฟป่าว เจอพี่แต่ทักไม่ทัน วิ่งหนีผมไปซะแล้ว
nonster: ใช่ๆวันนั้นผมไปสวนรถไฟ
เอ้ แต่วันนั้นไม่ได้วิ่งนี่น่า
คุณลูกชาย พันแข้งพันขาตลอด
>sugree said...
> โอ้ เขียนจาวามันต้องขนาดนี้เชียว
มาเป็นขบวนอะไรซักอย่าง...น่ากลัวดีแท้...
(- -')
น่าสนใจนะ ว่าทำไมมันต้องเยอะอย่างนี้
ทุกอย่างมันเริ่มจาก
มีปัญหา a เอา x มาช่วยสิครับ
มีปัญหา b เอา y มาช่วยสิครับ
มีปัญหา c เอา z มาช่วยสิครับ
อยากได้ feature h เอา m มาช่วยสิ
...
ปัจจุบัน ปัญหา a,b,c ก็เลยไม่เกิดแล้ว
feature ก็ครอบคลุมหมด
แต่มี learning curve x,y,z,m,... เพียบเลย
Post a Comment