วันนี้ไปงาน narisa java user group ที่จัดโดย comunities ของ www.narisa.com
มี roofimon เป็นหัวเรือใหญ่ แล้วก็ dean4j หรือ xcaliber เป็นผู้สนับสนุน
รูปแบบ work ใช้ได้เลย, นั่งพูดคุยกันในร้านอาหาร
โดยมีบรรยากาศเป็นแบบไม่เป็นทางการ
(งานนี้จัดที่ bangkok jazz house ตรงถนนพญาไท)
ดูรูปที่ Nonster ถ่ายได้ที่นี่ Link
เมื่อเปรียบเทียบกับงาน blognone แล้ว
ส่วนที่แตกต่างจาก blognone ก็คือ
ลักษณะการ present จะเป็นแบบโต้ตอบมากกว่า
นั่นคือมีการพูดเสริม หรือพูดถาม ณ ขณะที่ทำการ present
ไม่ต้องรอให้บรรยายจบ แล้วค่อยถาม
ซึ่งผมว่ามันดีกว่าบรรยายแบบ solo คนเดียว
ปัญหาหนึ่งที่ต้องเจอในการ meeting
ก็คือเรื่องการทำให้คนที่มาเจอกัน เกิดความคุ้นเคยกัน
และพูดคุยกันได้ (อันนี้เป็นปัญหาที่ codefest ของ nectec ก็เจอ)
บรรยากาศตอนแรก ระหว่างที่รอให้เริ่มงาน
คนที่คุยไม่เก่งอาจจะเกิดความรู้สึกอึดอัดได้
เพราะลักษณะการนั่งที่ค่อนข้างไกล้ชิด หันหน้าชนกัน
พวกนี้ต้องแก้โดยการมี คนที่มีลักษณะสบายๆ
มีบุคลิกเข้ากับคนง่าย
มาคอยเป็นคนเชื่อมประสานให้เกิดการพูดคุย
(หรือไม่ก็ต้องใช้วิธีมอมเหล้า)
โชคดีที่บุคลิกของ roofimon เขาเป็น type นี้อยู่แล้ว
ก็เลยช่วยให้บรรยากาศสบายขึ้น
ที่น่าสนใจอีกเรื่องก็คือ กลุ่มคนที่ไป ~20 คน
มีผู้ที่อ่าน blognone แค่ 3-4 คน
???
ส่วนเรื่องที่พูดคุยกัน ก็มีเรื่อง
Acegi กับ tapestry
เรื่อง Acegi นี้ ถึงเคยใช้แล้ว
แล้วก็เคย post ไว้ด้วย Acegi อีกที
แต่ก็ลืมไปเกือบหมดแล้ว
แถมกลับไปอ่าน ก็รู้สึกว่า ที่เรารู้ตอนนั้น มันเป็นแค่ short cut ให้พอทำงานได้
ไม่ได้ get idea จริงๆ ว่าอะไรเป็นอะไร
มานั่งฟังคราวนี้ คิดว่า get idea แล้ว
ขอบคุณวิทยากรด้วย
(กลับมา ก็ไปเปิด Reference ของ Acegi หน้า 18-19 อ่านทบทวนอีกที)
ส่วนเรื่อง tapestry ที่ผมพูด
เกิดความผิดพลาดขึ้น 2 อย่าง
อย่างแรกก็คือ
ผมนึกว่าจะมีการพูดเรื่อง JSF ก่อน
เลยฝากเนื้อหาทั้งหลายไว้ให้คนที่พูด JSF เป็นคนพูด
ปรากฎว่าหัวข้อ JSF งดไป
(ซวยละสิ ใครจะเกริ่นนำให้วะ)
ข้อผิดผลาดที่สองก็คือ
เจ้า linux มันต่อ projector แล้วกลายร่างเป็น mode 800x600 อีกแล้ว
ทำให้การ demo ที่เป็นกะว่าจะค่อยๆขึ้นรูปขึ้นร่าง มันทำไม่ได้
เพราะ eclipse dialog มันล้นจอ
ตัว layout manager ของ SWT ก็ดันไม่ได้ออกแบบมา กรณีที่จอเล็กว่าเนื้อหา
ก็เลยไม่มี scrollbar ขึ้นมาช่วย scroll
พอ config dialog ไม่ได้ ก็ทำให้ขั้นตอนมันขาดไปขั้นหนึ่ง
จะหันไปแก้ xml file ด้วยมือ ก็ไม่แน่ใจว่าจะหาเจอหรือเปล่า
(Note:
กลับมาบ้าน แล้วยังติดใจอยู่ ลองใช้คำสั่ง grep -R หาดู
จึงรู้ว่าตัว config นี้มันเก็บไว้ใน directory
WORKSPACE_NAME/.metadata/.plugins/org.eclipse.debug.core/lauches/
)
ผลก็เลย demo ไม่ได้ตามที่เตรียม step ไว้
ก็เลยขอติดเป็นการบ้านไว้กับคนที่ไป NJUG ในครั้งนี้
ว่าคราวหน้าจะจัดเป็น workshop ให้แล้วกัน
(พูดอีกอย่าง ก็คือ จะเตรียมตัวให้มากกว่านี้)
Subscribe to:
Post Comments (Atom)
5 comments:
ไม่ได้ไปครับ
(อุตส่าห์มีคนมาบอกข่าวทาง IM ถึงที่)
พอดีติดกินข้าววันเกิดพี่สาว
ไม่ได้กินข้าวพร้อมกันทั้งบ้านเลยตั้งแต่กลับมา วันนี้เป็นวันแรก
ฟังดูแล้วงานน่าสนุก เสียดายหน่อย ๆ
(แม้จะไม่ได้เขียนจาวาจริงจังแล้ว แต่ยังตามข่าวอยู่ ดู Java 6 แล้วก็ตื่นเต้น ยิ่งมันจะโอเพนซอร์สแล้วก็ยิ่งแล้วใหญ่ รวมทั้งเทคโนโลยีอื่น ๆ ที่เริ่มปรับตัวจากกระแส Rails, scripting ฯลฯ)
งานจัดตรงส่วนหน้าหรือหลังของร้านครับ ?
แล้วฉายโปรเจกเตอร์ตรงไหนอ่ะครับ
ช่วงปลายปี เพื่อน ๆ เค้ากะจะจัดเลี้ยงรุ่นกันที่นี่ (พญาไทแจ๊ส)
เลยอยากได้ไอเดีย :)
จัดส่วนหน้าร้านครับ มองจากถนนแล้วก็จะเห็นพอดี
ฉาย projector ที่กำแพง เปิดประตูร้านเข้าไปแล้วเห็น presentation เลย แต่ผมคิดว่ายังไม่เหมาะเท่าไหร่ เพราะคนที่อยู่ไกลจากจอจะมองไม่ค่อยเห็น มุมมันเฉียงมากไปหน่อย ถ้าฉาย projector ในแนวยาวของร้านจะดีกว่า แต่คงต้องหาฉากมาวางกั้นตรงกระจกหน้าร้าน
ช่วงนี้งานชนกันโครมๆ เลย
มัวแต่ไปถ่ายรูปเจ้าโน่ซ้อมรับปริญญาที่ไบเทค
ลืมงานนี้ไปซะสนิทเลยนะครับเนี่ย
เดี๋ยวต้องไปไล่อ่านของชาวบ้านต่อแล้ว...
ผมก็ว่าจะไปแต่สุดท้ายก็ไม่ว่างเหมือนกัน (อีตา deans งอนเลย)
Post a Comment